วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2563

(024) วนะ หรือ ป่า มีความงามแก่พระภิกษุเช่นไร



วนะ * หรือ ป่า *

มีความงามแก่พระภิกษุเช่นไร?


* พระอานนท์ ว่า : งามสำหรับพระภิกษุผู้สดับตรับฟังมาก

* พระเรวตะ ว่า  :  งามสำหรับพระภิกษุผู้หลีกเร้น ประกอบเจโตสมถะในภายใน

* พระอนุรุทธ์ ว่า  :  งามสำหรับภิกษุผู้มีทิพย์จักษุ

* พระมหากัสสป ว่า : งามสำหรับพระภิกษุผู้อยู่ป่า เที่ยวบิณฑบาต นุ่งห่มผ้าบังสุกุล จนถึงสมบูรณ์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ

* พระโมคคัลลานะ ว่า :  งามในเมื่อภิกษุ ๒ รูป สนทนาถามตอบอภิธัมมกถากัน 

* พระสารีบุตร ว่า  : งามสำหรับภิกษุผู้คุมจิตไว้ในอำนาจได้ ปรารถนาจะอยู่ด้วยธรรมะเป็นเครื่องอยู่อันใดในเวลาไหน ก็อยู่ได้ดังประสงค์

* พระพุทธองค์ก็ตรัสรับรองคำกล่าวของทุกรูปว่า ดีทุกรูปโดยปริยาย คือ ในแง่ใดแง่หนึ่ง

* ส่วนพระพุทธองค์เองกลับตรัสว่า :  "ป่านี้งามสำหรับภิกษุผู้กลับจากบิณฑบาต นั่งคู้บัลลังก์(ขัดสมาธิ) ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า ตั้งใจว่าจะไม่เลิกนั่งสมาธิ ตราบใดที่จิตไม่พ้นจากอาสวะ  ไม่ถือมั่นด้วยอุปาทาน"

          อนึ่ง เมื่อพิจารณาดังข้างต้น จะเห็นได้ว่า พระอริยเถระเจ้าทั้งหมดกล่าวว่า ป่านี้งามสำหรับผู้มีคุณพิเศษต่างๆ ซึ่งเป็นพระอริยเจ้าผู้เลอเลิศอยู่แล้ว แต่สำหรับพระพุทธองค์กลับตรัสว่า ป่านี้งามสำหรับภิกษุผู้ยังไม่มีคุณพิเศษใดๆเลย  แต่มีความตั้งใจเพียรว่า ถ้ายังไม่สิ้นกิเลส ก็จะไม่ลุกจากที่นั่ง

         ดังนั้น ป่าจึงมีความสำคัญต่อพระภิกษุ หรือนักปฏิบัติ ผู้ปรารถนาความหลุดพ้น  จึงต้องอาศัยป่าเป็นที่ปลีกเร้นภาวนา ฉะนั้น พระสายปฏิบัติ จึงจำเป็นต้องหาสถานที่ที่ยังคงความเป็นป่า ด้วยเหตุที่พระผู้มีพระภาคเจ้า พาปฏิบัติสืบทอดกันมา ตั้งแต่เมื่อครั้งพุทธกาลนั่นเอง

*..."แล้วพวกเรา เป็นผู้งดงาม (ด้วยศีล ด้วยธรรม) สมควรแก่ป่า (หุบใหญ่) ที่งามแล้วหรือยัง?"...*


                                        "ดร.นนต์" ขันติพโล ภิกขุ

                                        ที่พักสงฆ์ ป่าหุบใหญ่อาภาธโร (ธ)

                                        ป่าชุมชนหุบใหญ่เมืองลับแล บ้านงิ้ว

                                        ต.ท่าจะหลุง อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา

                                        29 กุมภาพันธ์ 2563










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น