✳️ คลื่นโอฆะ มหันตภัยร้าย
✳️ นิมิตปริศนาธรรม
🔸 ณ ใต้ร่มกลด กาลครั้งหนึ่ง
ภิกขุผู้ซึ่งภาวนาในท่า
นอนตะแคงขวาในท่าไสยา
ว่าอานาปานสติธรรม
🔸 สติตามลมเข้าออกเบาหนัก
สักพักจิตสงบสว่างล้ำ
ปรากฏนิมิตปริศนาธรรม
ดังจะพร่ำพรรณาว่านัย
🔸 อยู่อยู่ภิกขุมาอยู่ระหว่าง
อยู่ท่ามกลางคลื่นลมฝนห่าใหญ่
อยู่ท่ามกลางฟ้าเปรี้ยงปร้างเป็นไฟ
พลันทันใดความมืดพรืดเข้ามา
🔸 อีกกระแสลมพัดพากระหน่ำ
เมฆฝนดำทะมึนทึนทั่วฟ้า
ห่าฝนหล่นล้นลามโลกา
พัดพาทุกสิ่งกระจัดกระจาย
🔸 เสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นโลมโลก
สุดเศร้าโศกวิปโยกภัยร้าย
เสียงหวีดกรีดร้องระงมระงาย
่ระคนคลื่นร้ายถาโถมเข้ามา
🔸 ครานั้น พลันภิกขุเกิดกล้าหาญ
จึ่งอธิษฐานจิตวาจาว่า
ข้าขอทวนกระแสคลื่นโลกา
ถวายชีวาแด่พุทธองค์
🔸 แล้วมุ่งข้ามคลื่นน้ำอันกว้างใหญ่
ฝ่าความมืดมุ่งไปตามประสงค์
อาจหาญมุ่งไปใจทรนง
แลมาหยุดลงตรงธรรมศาลา
🔸 ภิกขุอาศัยศาลาหลังน้อย
ผู้รอดตายทยอยเข้ามาหา
เบียดเสียดเข้ามาจนเต็มศาลา
ประหนึ่งว่าภิกขุผู้นำธรรม
🔸 ต่อมาศาลากลายเป็นร่มกลด
เป็นที่ลดละกิเลสเช้าค่ำ
เป็นที่ภาวนาค้นหาธรรม
ตามมรรคองค์แปดย้ำธรรมอุบาย
🔸 อันว่ากระแสคลื่นโอฆะใหญ่
มหันตภัยแห่งห้วงน้ำร้าย
พัดพาสัตว์โลกเวียนเกิดเวียนตาย
ดำผุดดำว่ายไปตามคลื่นกรรม
🔸 อันคลื่นกระแสแห่งกิเลสนี้
ไหลทับทวีสัตว์โลกเช้าค่ำ
กิเลสพัดพาไปตามคลื่นกรรม
ทุกข์ทนช้ำในคลื่นวัฏวน
🔸 โอ้ว่านัยนิมิตปริศนา
ภิกขุผู้ภาวนาฝึกฝน
เดินตามมรรคเฝ้าปฏิบัติตน
เมื่อหลุดพ้น คนอื่นได้พ้นตาม
🔸 อกุปปธรรมกวี
🔸 เหตุเกิดปี ๒๕๖๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น